เมนูนำทาง
แอลัน วอล์กเกอร์ อาชีพในปี 2012, วอร์กเกอร์ได้ฟังเพลงของ เดวิต วิสเทิล (หรือที่รู้จักในนามดีเจนาส) และค้นหาวิธีการสร้างเพลง เขาได้รับแรงบันดาลใจจากโปรดิวเซอร์เพลงอิเล็กทรอนิกส์ K-391 และ Ahrix, และยังได้รับอิทธิพลจากผู้เขียนภาพยนตร์ Hans Zimmer และ Steve Jablonsky[8] เขาเริ่มสร้างเพลงโดยใช้แลปท็อปของเขาเอง และโปรแกรม FL Studio ภายในห้องนอนของเขา[9] ในเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2012 เขาได้รับความช่วยเหลือจากแฟนเพลงออนไลน์ และได้เริ่มผลิตเพลง รวมทั้งเริ่มเผยแพร่เพลงของเขาลงในยูทูป และซาวน์คลาวน์
วอร์กเกอร์ได้เผยแพร่เพลง "เฟด" (Fade) ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2014.[10] เพลงนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากได้เผยแพร่อีกครั้งผ่านทางค่ายเพลงช NoCopyrightSounds ในวันที่ 19 พฤศจิกายน[11] วอร์กเกอร์ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้จาก K-391 และ Ahrix ซึ่งผลงานของพวกเขา ถูกเลือกโดยค่ายเพลงนี้เช่นกัน เพลงนี้มียอดเข้ายมถึง 300 ล้านคนบนยูทูป,[12] 79 ล้านครั้ง บน Spotify,[13] และ 20 ล้านครั้งบน SoundCloud.[14] เพลงนี้ได้กลายเป็นเพลงที่ยอดฮิตที่สุดในช่อง และได้ถูกนำไปใช้ประกอบวิดิโอจำนวนมากบนยูทูป หลังจากนั้น เพลง "สเปกเทอร์" (Spectre) และ "ฟอร์ซ" (Force) ก็ได้เผยแพร่ตามกันมาในปี ค.ศ. 2015.
วอร์กเกอร์ได้เซ็นสัญญากับ MER Musikk ภายใต้ Sony Music Sweden ในช่วงแรกที่ Gunnar Greve ได้โทรไปหาเขาเพื่อขอเซ็นสัญญา เขาได้ถามกลับไปว่า "ใครให้เบอร์ผมกับคุณไป" และไม่เคยคิดว่าจะต้องมีผู้จัดการ เพราะเขาเพียงต้องการแต่งเพลงเพื่อเป็นงานอดิเรก[9] ภายหลังที่ได้ร่วมงานกับ MER Musikk เขาได้เผยแพร่ซิงเกิลถัดมา "เฟเดด" (Faded) ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากเพลง "เฟด" (Fade) แนวคิดในการสร้างมิวสิควิดิโอนี้คือกลุ่มแฟนคลับเดิมของเขา ซึ่งเป็นนักเล่นเกม และการใส่หน้ากากและฮูดนั้น ก็เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพ และเพื่อให้ใครๆก็สามารถมาเป็นวอร์กเกอร์ได้[9] (วอร์กเกอร์ ในที่นี้ คือชื่อเรียกกลุ่มแฟนคลับของแอลัน วอร์กเกอร์) เพลงนี้ถูกเผยแพร่ออกมาในวันที่ 8 ธันวาคม โดยมีนักร้องรับเชิญ Iselin Solheim มาร่วมร้อง[15] ซิงเกิลนี้ได้ขึ้นชาร์ตท้ายปีในประเทศออสเตรีย เยอรมนณี สวิตเซอร์แลนด์ และสวีเดน ไอทูนส์ ชาร์ตใน 32 ประเทศ รวมทั้งติด 10 อันดับเพลงใน Spotify Global Chart มิวสิควิดิโอเพลงนี้บนยูทูป มียอดเข้าชมมากกว่า 2.0 พันล้านครั้ง และมียอดถูกใจมากกว่า 13 ล้านครั้ง[16] ทำให้อยู่ในอันดับที่ 10 ของวิดิโอที่มียอดถูกใจมากที่สุดบนยูทูป. เพลงนี้ถูกเล่นมากกว่า 780 ล้านครั้งบน Spotify,[17] และยังอยู่ใน 10 อันดับเพลงเพลงที่ถูก Shazamed มากที่สุดในปี 2016[18] เพลงนี้ยังถูกรีมิกซ์อย่างเป็นทางการโดย Tiësto[19] Dash Berlin และ Hardwell ต่อมาเขาได้เผยแพร่เพลงนี้ในรูปแบบอะคูสติก "รีสตังค์" โดยส่วนที่เป็นดนตรีอิเล็กทรอนิกส์จะถูกตัดออกทั้งหมด[20]
วอร์กเกอร์ออกจาก โรงเรียนมัธยมปลาย ในเดือนมกราคม[21]
วันที่ 27 กุมภาพันธ์, วอร์กเกอร์ได้แสดงสดครั้งแรกที่ Winter X Games ใน ออสโล โดยเขาได้แสดงสดไปทั้งสิ้น 15 เพลง รวมทั้งเพลง "เฟเดด" ร่วมกับนักร้องรับเชิญ Iselin Solheim.[22][23]
ในเดือนมีนาคม วอร์กเกอร์ได้ผลิตเพลงออกมาทั้งหมด 30 ถึง 40 เพลง แต่ "เฟเดด" เป็นซิงเกิลแรกของเขาที่ได้เซ็นสัญญากับ Sony Music สวีเดน และเป็นเพลงแรกที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก[24]
วันที่ 7 เมษายน วอร์กเกอร์ ได้ร่วมงานกับนักร้องชาวสวีเดน Zara Larsson ที่งาน Echo Awards ในประเทศเยอรมณี ทั้งคู่ได้ร่วมแสดงเพลงของตนเอง คือ "เฟเดด" และ "เนเวอร์ ฟอร์เก็ท ยู".[25] สี่สัปดาห์ก่อนหน้านั้น เพลงของเขาได้ติดอันดับ 1 ของ NRJ Euro Hot 30 เป็นครั้งงแรก ซี่งที่ผ่านมา มีศิลปินชาวนอร์เวย์เพียงคนเดียว ที่เคยติดอันดับชาร์ตนี้คือ ไคโก[26]
ซิงเกิล "ซิง มี ทู สลีพ" (Sing Me To Sleep) ถูกปล่อยออกมาในวันที่ 3 มิถุนายน ร่วมกับนักร้องสาว Iselin Solheim ซึ่งเป็นนักร้องคนเดียวกันกับคนที่ร้องเพลง "เฟเดด". เพลงนี้ขึ้นอันดับไอทูนส์ ชาร์ต ใน 7 ประเทศ มิวสิควิดิโอเพลงนี้มีผู้ชมมากกว่า 400 ล้านครั้งบนยูทูป[27] และถูกเล่นมากกว่า 170 ล้านครั้งบนสปอทิฟาย[28]
ซิงเกิล "อโลน" (Alone) ถูกปล่อยออกมาในวันที่ 1 ธันวาคม ร่วมกับนักร้องชาวสวีเดน Noonie Bao[29] มิวสิควิดิโอเพลงนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 740 ล้านครั้งบนยูทูป[30] ถูกเล่นมากกว่า 210 ครั้งบนสปอทิฟาย[31] กันนาร์ กรีฟ (Gunnar Greeve) ผู้จัดการของวอร์กเกอร์ และเป็นผู้แต่งเพลงร่วม ได้กล่าวว่า เพลงนี้เป็นบทสุดท้ายของไตรภาคที่ประกอบไปด้วย "เฟเดด" "ซิง มี ทู สลีพ" และ "อโลน[32]
วอร์กเกอร์ที่ Stavernfestivalen นอร์เวย์ ปี 2016วันที่ 21 และ 22 ธันวาคม วอร์กเกอร์ได้จัดคอนเสิร์ต "Alan Walker is Heading Home" ในบ้านเกิดของเขาที่เบอร์เกนเป็นครั้งแรกที่ USF Verftet โดยเขาได้แสดง 16 เพลง ร่วมกับ Angelina Jordan, Marius Samuelsen, Alexandra Rotan, Yosef Wolde-Mariam และ Tove Styrke ซึ่งเป็นนักร้องรับเชิญในงานนี้[33][34] คอนเสิร์ตนี้ถูกถ่ายทอดสดอย่างเป็นทางการบนยูทูป[35] เขายังได้เล่นเพลงที่ไม่เคยปล่อยออกมาก่อน รวมทั้ง "ซิง มี ทู สลีพ" ในเวอร์ชันรีสตัง (Restrung) รวมทั้งเพลงอื่นๆ เช่น "สกาย" (Sky) และ "เฮดดิง โฮม" (Heading Home) โดยเพลง "เฮดดิง โฮม" นั้น เขาเคยได้แสดงครั้งแรกที่งาน Winter X Games นอกจากคอนเสิร์ตครั้งนี้ยังได้แสดงเพลง "เดอะ สเปกเทอร์" (The Spectre) ซึ่งเป็นเพลงที่ปรับปรุงใหม่จากเพลงเดิมของเขา "สเปกเทอร์" (Spectre)
วันที่ 23 ธันวาคม วอร์กเกอร์ได้ปล่อยมิวสิควิดิโอของซิงเกิล "รูทิน" (Routine) ซึ่งเขาได้แสดงไปเมื่อคอนเสิร์ตที่เบอร์เกนเมื่อ 2 วันก่อน และได้แสดงในคอนเสิร์ตของ "วอร์กเกอร์ ทัวร์" (Walker Tour) ในบางครั้ง เพลงนี้เป็นความร่วมมือกันกับ เดวิด วิสเทิล (David Whistle) หรือดีเจนาส (DJ Ness) เพลงนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 30 ล้านครั้งบนยูทูป[36] และมีผู้ฟังมากกว่า 23 ล้านครั้งบนสปอทิฟาย[37]
ในช่วงต้นปี 2017 ช่องบนยูทูปของวอร์กเกอร์ ได้กลายเป็นช่องยูทูปในประเทศนอร์เวย์ ที่มีผู้ติดตามมากที่สุด โดยมีผู้ติดตามมากกว่า 4.5 ล้านคน และมียอดเข้าชมในยูทูปมากที่สุดในบรรดาช่องของชาวนอร์เวย์ เป็นจำนวน 3.4 พันล้านครั้งในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2018[38][2]
วันที่ 7 เมษายน วอร์กเกอร์ได้ปล่อยเพลง "อิกไนต์" (Ignite) ในรูปแบบของดนตรีอย่างเดียว (Instrumental version) ซึ่งเป็นการร่วมงานกับโปรดิวเซอร์เพลง และนักแต่งเพลงชาวนอย์เวย์ K-391 โดยเพลงนี้ถูกปล่อยมาเพื่อใช้ในงานเปิดตัวของโทรศัพท์สมาร์ทโฟน Sony Xperia XZs
วันที่ 19 พฤษภาคม วอร์กเกอร์ได้ปล่อยเพลงแรก ที่มีนักร้องชายมาร่วมร้อง โดย Gavin James นักร้อง และนักแต่งเพลงชาวไอร์แลนด์ ในชื่อเพลง "ไทร์" (Tired). มิวสิควิดิโอเพลงนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 102 ล้านครั้งบนยูทูป[39]
วันที่ 27 พฤษภาคม วอร์กเกอร์ได้ปล่อยวิดิโอสารคดีของเขาในชื่อ Alan Walker Unmasked ตอนที่ 1 โดยจะเล่าถึงประวัติชีวิตในช่วงแรกของเขา การทำเพลง "เฟเดด" (Faded) จนกระทั่งเขาประสบความสำเร็จจากเพลง "เฟเดด" [40] โดยสารคดีชุดนี้ มีทั้งสิ้น 3 ตอน โดยตอนที่ 2 จะเกี่ยวกับการแสดงสด[41] และตอนที่ 3 เล่าเกี่ยวกับการเป็นโปรดิวเซอร์เพลงของเขา[42] โดยถูกปล่อยตามมาในวันที่ 23 กันยายน และ 28 กุมภาพันธ์ในปีถัดมาตามลำดับ[41][42]
วันที่ 9 มิถุนายน เขาได้ปล่อยเพลงที่เขาได้ร่วมงานกับ Dane Alex Skrindo "สกาย" (Sky) ในอัลบัม Insomniac Records Presents: EDC Las Vegas 2017. มิวสิควิดิโอเพลงนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 36 ล้านครั้งบนยูทูป[43]
วันที่ 15 กันยายน เขาได้ปล่อยเพลง "เดอะสเปกเทอร์" (The Spectre) ซึ่งได้เพิ่มเนื้อเพลงเข้าไปในเพลง "สเปกเทอร์" (Spectre) ซึ่งเป็นซิงเกิลของเขาตั้งแต่ปี 2015 มิวสิควิดิโอเพลงนี้ ได้รวบรวมวิดิโอที่เขาได้ถ่ายไว้จากคอนเสิร์ต ร่วมกับทีมนักเต้นซึ่งใส่ชุดสีขาว และหมวกกันน็อคสีดำ มิวสิควิดิโอนี้ มีผู้เข้าชมมากกว่า 460 ล้านครั้งบนยูทูป[44]
วันที่ 27 ตุลาคม วอร์กเกอร์ได้ปล่อยเพลง "ออลฟอลส์ดาวน์" (All Falls Down) ร่วมกับ Noah Cyrus นักร้องชาวอเมริกัน และ Digital Farm Animals ดีเจชาว และโปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษ เนื้อหาในวิดิโอนี้จะต่อเนื่องจากเพลงที่แล้ว "ไทร์" (Tired) มิวสิควิดิโอเพลงนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 132 ล้านครั้งบนยูทูป[45][46]
ในปีนี้ วอร์กเกอร์ได้กลายเป็นยูทูปเบอร์อันดับ 1 ของนอร์เวย์ ด้วยยอดผู้ติดตามมากกว่า 19 ล้านคน[47] ในวันที่ 16 มกราคม เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ Fuse และเปิดเผยว่า อัลบั้มจะถูกเผยแพร่ในปีนี้ "มันกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ยังไม่เสร็จสิ้น" วอร์กเกอร์กล่าว "ผมไม่สามารถบอกอะไรได้มาก แต่ผมรู้สึกตื่นเต้นกับมันมากๆ"[48]
วันที่ 23 มีนาคม วอร์กเกอร์ได้ปล่อยเพลงในรูปแบบรีลิฟ (Relift) ของ "ดีส อีส มี" (This Is Me) ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ โชว์แมนบันลือโลก (The Greatest Showman) โดยมิวสิควิดิโอนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 12 ล้านครั้งบนยูทูป[49]
วันที่ 11 พฤษภาคม วอร์กเกอร์ และโปรดิวเซอร์เพลงชาวนอร์เวย์ K-391 (Kenneth Nilsen) ได้แผยแพร่เพลง "อิกไนต์" (Ignite) ในเวอร์ชันที่มีเสียงร้อง ซึ่งมี Julie Bergan South Korean และ Seungri มาเป็นนักแสดงรับเชิญ[50][51][52] มิวสิควิดิโอถูกเผยแพร่ในวันที่ 12 พฤษภาคมในช่องยูทูปของ K-391 เนื่องจาก Nilsen เป็นศิลปินหลักในการแต่งเพลงนี้ขึ้นมา[50] มิวสิควิดิโอนี้มีผู้เข้าชมมากกว่า 100 ล้านครั้งแล้วในเดือนพฤศจิกายน 2018[53][54]
วันที่ 27 กรกฎาคม วอร์กเกอร์ได้เผยแพร่เพลง "ดาร์กไซด์" (Darkside) ร่วมกับนักร้องรับเชิญ Au/Ra และนักร้องชาวนอร์เวย์ Tomine Harket[55]
วันที่ 21 สิงหาคม วอร์กเกอร์ได้กลับมาอัปโหลดอันมาส์ค ซีรีส์ (Unmasked series) อีกครั้ง ในรูปแบบของ วล็อก (vlog) ซึ่งจะเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเขา รวมทั้งชีวิตของเขาในระหว่างที่เขาออกทัวร์คอนเสิร์ต[56] ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 7 ตอน
วันที่ 30 สิงหาคม วอร์กเกอร์ได้เผยแพร่เพลงในรูปแบบรีลิฟ (Relift) ของ "ชีพ" (Sheep) โดยสมาชิกวง เอ็กโซ เลย์.[57]
วันที่ 22 กันยายน เขาได้เผยแพร่ตัวอย่างเพลง "ไดมอนด์ฮาร์ท" (Diamond Heart) ที่เดิมถูกเรียกว่าเป็นเพลง "เฟเดด 2.0" ร่วมกับ Sophia Somajo โดยเพลงนี้ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการในวันที่ 28 กันยายน.[58] ซึ่งถือได้ว่าเป็นตอนจบของไตร์ภาค "เวิร์ล ออฟ วอร์กเกอร์" (World Of Walker) ซึ่งมี "ไทร์" (Tired) เป็นปฐมบท "ออลฟอลส์ดาวน์" (All Falls Down) เป็นบทที่ 1 "ดาร์กไซด์" (Darkside) เป็นบทที่ 2 และมี "ไดมอนด์ฮาร์ท" (Diamond Heart) รวมถึง "ออน มาย เวย์" (On My Way) เป็นบทสุดท้ายของไตรภาคนี้[59][60] และเขาได้เผยแพร่วิดิโอเนื้อเพลงในวันที่ 11 ตุลาคม โดยแอลัน วอร์กเกอร์ (วอร์กเกอร์ #0 ) ได้ขอให้วอร์กเกอร์ ใส่ฮูด และหน้ากากสีดำ และช่วยกันถือเนื้อเพลงคนละท่อน เพื่อนำมาทำเป็นวิดิโอเนื้อเพลงนี้ [61]
เมนูนำทาง
แอลัน วอล์กเกอร์ อาชีพใกล้เคียง
แอลัน ทัวริง แอลัน เชียเรอร์ แอลัน วอล์กเกอร์ แอลัน ริกแมน แอลัน พาร์ดิว แอลัน แมนนัส แอลัน แฮนเซน แอลัน เวก แอลัน ฮัตตัน แอลัน เชปเพิร์ดแหล่งที่มา
WikiPedia: แอลัน วอล์กเกอร์ http://www.billboard.com/articles/news/dance/75499... http://www.billboard.com/articles/news/dance/80148... http://celebmix.com/exclusive-interview-alan-walke... http://xgames.espn.go.com/xgames/video/14876186/dj... http://www.imdb.com/name/nm8957921/ http://www.livetracklist.com/alan-walker-is-headin... http://www.livetracklist.com/alan-walker-x-games-o... http://mashable.com/2016/03/14/alan-walker/ http://popcrush.com/best-songs-we-heard-this-week-... http://promotionmusicnews.com/alan-walker-announce...